จับตาซีเรีย : ถึงเวลาเอา “อัล-อะสัด” ลง

จับตาซีเรีย : ถึงเวลาเอา “อัล-อะสัด” ลง
นำมาจาก: Ummah Islam

………………………………….
ซีเรีย…เผด็จการที่รุนแรงกว่าอียิปต์
ส่วนหนึ่งจากบรรยายของ อัลอัค
………………………………….

ซีเรีย ปกครองโดยชนชั้นที่ไม่ใช่สุนหนี่ ทั้งที่ประเทศเป็นสุนนีย์ คือ พวกอะลาวียฺ ชีอะฮฺอะลาวียฺ … บัชชารฺ อัล-อะสัด [ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของซีเรีย]เป็นพวกนี้ แล้วก็เป็นตระกูลของพวกนี้ปกครองมาตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว คือฮาฟิส อัล-อะสัด[ประธานธิบดีของซีเรียคนก่อนหน้านี้] ก็เป็นพวกอะลาวียฺ เป็นชีอะฮฺอะลาวียฺ เป็นชีอะฮฺแบบหนึ่งที่ไม่เหมือนอิหร่าน

ระบบการปกครองของซีเรีย เป็นระบบที่ได้รับอิทธิพลมาจากพรรคการเมืองที่โดดเด่นมากในโลกอาหรับ คือ พรรคบะอฺษฺ ที่แปลว่า “การฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง” ชื่อเต็มว่า “อัล-บะอ์ษุล อัล-อะรอบียฺ อัล-อิชติรอกียฺ” … พรรคบะอฺษฺ อะรอบียฺ-ชาตินิยมอาหรับ อิชติรอกียฺ-สังคมนิยม คือพรรคสังคมนิยมอาหรับ ซึ่งก่อตั้งโดย มิเชล อัฟลักฺ ซึ่งเป็นชาวอาหรับคริสเตียน เมื่อหลายทศวรรษที่ผ่านมา

คือพรรคนี้ปกครองในรูปแบบเซคคิวลาร์และมีความเข้มงวดมากในเรื่องของแนวคิด อุดมการณ์ของเขา แล้วก็กระทำที่รุนแรงกับขบวนการอิสลามอย่างที่ต้องจดจำไว้ในโลกอาหรับเลย ตลอดไป

ปี 1982 เป็นที่จดจำของขบวนการอิสลามเลยนะ ที่เมืองหะมาฮ์ ประเทศซีเรีย ฮาฟิส อัล-อะสัด ประธานาธิบดีของซีเรีย สั่งให้มีการปราบปรามพวกอิควานที่เมืองหะมาฮ์ มีคนเสียชีวิตไปถึง 4 หมื่นคน ถือว่าเป็นสิ่งที่เขาต้องบันทึกไว้เลยว่าเป็นการปราบปรามประชาชนตัวเอง ฆ่าฟันประชาชนตัวเอง ล้มตายในรอบเดียวเลยนะ 4 หมื่น นี่คือตัวที่เป็นตัวที่รุนแรงมากของซีเรีย เป็นระบบเผด็จการที่รุนแรงกว่าของอียิปต์
…………………………..
ถอดกรงเล็บ “อัล-อะสัด”
Facebook ของ Abu Israfil
…………………………..

ประชาชนชาวซีเรียที่อยู่ภายใต้กรงเล็บเหล็กของครอบครัว อัล-อะสัด ซึ่งมาจากชนกลุ่มน้อย นับถือลัทธิชีอะฮฺอะลาวียะฮฺ ก็ออกประท้วงเช่นเดียวกัน พวกเขาตะโกนสโลแกนว่า “อัลลอฮฺ ซีเรีย เสรีภาพ” พวกเขาต้องการเสรีภาพเช่นเดียวกับประเทศอาหรับอื่น ๆ หลังจากที่ถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการมานาน ตั้งแต่สมัยฮาฟิศ อัล-อะสัด ผู้พ่อ ใช้ทหารเข้ายึดอำนาจ และ”จัดการ”กับเสี้ยนหนามของตน จนไม่มีหลงเหลือ

ชาวซีเรียลังเลที่จะออกมาต่อสู้ แต่ในที่สุด พวกเขาก็รู้สึกอดสู ที่จะยอมคุกเข่าอยู่แต่ในบ้าน ฟังข่าวการปฏิวัติในประเทศต่าง ๆ Facebook (อันเป็นสิ่งต้องห้ามในซีเรีย) ก็ถูกนำเอามาใช้ พร้อม ๆ กับ sms และ twitter จนสามารถระดมผู้คนให้ออกมาประท้วงจนได้ เมื่อวันศุกร์ ที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมาโดยเรียกว่า วันศุกร์แห่งศักดิ์ศรี (ญุมอัต อัลกะรอมะฮฺ)

23 มีนาคม การชุมนุมประท้วงในซีเรียไม่หยุดพัก ในเมืองดัรอาและเมืองนะวา อันแสดงถึงความกล้าหาญของชาวเมืองทั้งสอง ที่จะเผชิญหน้ากับเผด็จการที่เหี้ยมโหดที่สุดในโลกอาหรับ ส่วนผู้ประท้วงในเมืองอื่น ๆ ถูกทางการปราบปรามตั้งแต่วันแรก ไม่อาจรวมตัวได้เลย หลังจากสลายเมื่อวันศุกร์ที 18 มีนาคม ที่ผ่านมา

พวกเขากล้าเผาตึกอันเป็นสำนักงานของพรรคบะอัษ จวนผู้ว่าราชการจังหวัด ศาลยุติธรรม และสถานีตำรวจ ซึ่งตำรวจก็ได้สังหารผู้ประท้วงตายไป 6 คน

วันที่ 27 มีนาคม มีผู้ประท้วงเสียชีวิตเกินกว่า 100 คนแล้ว รัฐบาลใช้มาตรการขั้นหนักในการปราบปรามประชาชนผู้ประท้วงเพื่อเสรีภาพและ ประชาธิปไตย เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ซีเรีย ที่มีคนกล้าทุบตีเจว็ดของฮาฟิศ อัลอะสัด ประธานาธิบดีคนก่อน จนล้มลง ถือว่าเป็นสัญญาณและนิมิตหมาย ที่บ่งบอกว่า การประท้วงครั้งนี้จะไม่มีวันจบ หากบัชชาร อัล-อะสัด ไม่ลงจากเก้าอี้

ตั้งแต่เกิดการปฏิวัติในซีเรีย จนถึงตอนนี้ (25 เมษายน) มีผู้ล้มตาย อย่างน้อย 300 คนแล้ว เฉพาะวันศุกร์เมื่อวานซืน ก็เกือบร้อย แถมพวกที่เดินขบวนในพิธีหามศพไปฝัง ก็ยังถูกลอบสังหารอีกแล้วคน นี่เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่า ตระกูลอัล-อะสัด กำลังจะละลายลงจากเก้าอี้เหล็ก

การสู้รบในซีเรีย จะไม่ออกมาแบบลิเบีย และไม่ออกมาแบบอิยิปต์อย่างแน่นอน แต่จะเป็นแบบที่สาม ที่เรายังเดาไม่ออกว่าจะออกมาในรูปแบบไหน เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ มันไม่เพียงแค่ด้วยข้ออ้าง เอาประชาธิปไตยและความยุติธรรมเป็นหลัก แต่มันจะยกเอาความขัดแย้งระหว่างลัทธิอะลาวียฺและมุสลิมสุนหนี่

ซีเรียเป็นที่ตั้งของอิควานมุสลิมูน แม้จะถูกถอนรากถอนโคนมาตลอด แต่ก็ไม่ได้ทำให้มุสลิมในซีเรีย ล้มเลิกความคิดที่จะต่อสู้ ความพยายามที่แล้วมาในอดีตมีแต่ความปราชัย แต่ครั้งนี้มันคือโอกาสทองของพวกที่ต่อต้านความอยุติธรรมและการปกครองของพวกที่นับถือลัทธิอะลาวียฺ
…………………………..
อะลาวียะฮฺ :
ชนผู้กุมบังเหียนซีเรีย
…………………………..

พวกอะลาวียะฮฺ หรืออีกชื่อหนึ่ง นุศ็อยรียะฮฺ ที่เป็นชนกลุ่มน้อยในซีเรีย แต่มีอำนาจกุมบังเหียนประเทศ พวกเขาอ้างว่าเป็นพรรคพวกของท่านอะลีย์ บิน อบีฏอลิบ เป็นพวกที่ตามนุศ็อยรฺ บินอับดิลลาหฺ ลูกศิษย์ของอิมามฮาดี อิมามชีอะฮฺที่ 11 ทว่าหลักความเชื่อของพวกนี้มีความคล้ายคลึงกับพวกชีอะฮฺอิสมาอีลียะฮฺ จนดูเหมือนว่าได้แตกสาขาออกจากลัทธิอิสมาอีลียะฮฺ แล้วมาตั้งตนเป็นอิสระ ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะว่าลัทธินี้ได้รับอิทธิพลจากพวกชีอะฮฺอิสมาอีลียะฮฺ ซึ่งมีอิทธิพลในภูมิภาคนี้เป็นเวลานาน อย่างไรก็ตามลัทธินี้ยังได้เก็บเอาความเชื่อของศาสนาอื่นในภูมิภาคนี้มาผสมผสาน

ความเชื่อของพวกนุศ็อยรียะฮฺ

1. บทบัญญัติอิสลามแบ่งออกเป็นสองประเภทคือศอหิรฺ (ภายนอก) และบาฏิน (ภายใน) ที่เป็นแก่นก็คือสิ่งที่อยู่ภายใน ด้วยเหตุนี้กฏบัญญัติภาคบังคับทั่วไป เช่น การนมาซ ถูกกำหนดให้แก่คนทั่วไป พวกนุศ็อยรียะฮฺไม่จำเป็นต้องนมาซเพราะถือว่าเป็นผู้ที่เข้าใจศาสนาอย่างถ่องแท้แล้ว และบริสุทธิ์แล้ว

2. อะลีย์ บิน อบีฏอลิบ คือ อัลลอฮฺ ที่ได้ทรงอวตารลงมา (เลียนแบบฮินดู)

3. เชื่อในตรีเอกานุภาพ (Trinity) (เลียนแบบศาสนาคริสต์) ยกย่องบุคคลสามคน นั่นคือ อะลีย์ อัลมะอฺบูด (อะลีย์อันเป็นที่สักการะบูชา) มุฮัมมัด อัลมะฮฺมูด (นบีมุฮัมมัดอันเป็นที่สรรเสริญ) และ ซัลมาน อัลฟาริสีย์ อัลบาบ (ซัลมาน แห่งเปอร์เซียเป็นประตู) ทั้งสามคนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นอวตารของอัลลอฮฺ ทว่าอะลีย์เป็นอวตารที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ปัจจุบันมีประชากรชาวนุศ็อยรียะฮฺในซีเรีย 1.35 ล้าน ในเลบานอน 100,000 คน และในตุรกี 1 ล้านคน

ซีเรียมีประชากร 22.5 ล้านคน ซึ่ง 74% ของประชากร นับถืออิสลามแบบซุนนะฮฺ เมื่อชนกลุ่มน้อย ขึ้นมามีอำนาจปกครองชนส่วนใหญ่ มีวิธีเดียวที่จะรักษาอำนาจให้คงอยู่ได้ ก็คึอด้วยการใช้ระบอบปกครองแบบเผด็จการ มีพรรคบะอฺษฺ เป็นพรรคปกครองประเทศ และมีครอบครัวอัลอะสัด กุมบังเหียนมาเป็นเวลา 4 ทศวรรษ
…………………………..
ขบวนการเคลื่อนไหวอิสลาม
…………………………..

อิควาน มุสลิมูน(Muslim Brotherhood) เป็นพรรคการเมืองต้องห้าม ใครก็ตาม เป็นที่สงสัยว่าจะเป็นสมาชิกของพรรคอิควานมุสลิมูน ก็จะถูกขังลืม ใคร ที่ไปถามหา ก็จะถูกจับไปด้วย ดังนั้นจะไม่มีโอกาสได้เห็นญาติพี่น้องไปตลอดกาล ไม่มีใครสามารถจะรู้ได้ว่า ยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว

ชัยคฺนาอิฟ อัล-อับบาส อัล-ฮูรอนีย์ อาจารย์ของข้าพเจ้า(Abu Israfil) ในทศวรรษที่ 1980 ทุกข์ระทมเป็นอย่างยิ่ง เมื่อลูกชายคนเดียวหายตัวไปจากบ้าน เพราะมีคนมา”เชิญไป” ตั้งแต่นั้นมา ท่านก็ไม่มีโอกาสได้เห็นลูกชายอีกเลย จนท่านเสียชีวิต

วันหนึ่งมีคนออกจากคุกขังลืม มาบอกท่านว่า เขาเห็นใบหน้าของลูกชายท่านแว่บเดียวในคุก ที่ไหน ไม่ทราบ เพราะคนที่ถูกขังเอง ยังไม่รู้ว่าถูกขังที่ไหน นั่นคือข่าวสุดท้าย ที่ท่านได้ยินเกี่ยวกับลูกชาย ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นอิควาน

ท่านชัยคฺอับบาสเอง วันดีคืนร้าย ก็ถูกจับไปอบรมในคุกสองครั้ง เพราะไปอ่านคุฏบะฮฺญุมอะฮฺ เรื่องผู้บ่อนทำลายในแผ่นดิน สายลับในคราบผู้ละหมาด แจ้งทางการให้มาอัญเชิญท่านไปให้เพชรฆาตอบรมสั่งสอน

ส่วนเพื่อนคนหนึ่ง เล่าว่า เมื่อตอนอายุ 14 เขารอดตายจากการสังหารหมู่ในฮามาห์ แต่ก็ถูกนำตัวไปขังไว้เป็นเดือน ในคุกใต้ดินปาล์มมีรา ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีที่นอน อาหารที่ได้จากคนคุม ก็คือขนมปังแผ่น ที่โยนบนพื้น ให้คลำหาเองก็แล้วกัน ว่ามันอยู่ที่ไหน เมื่อออกมาต้องเอาผ้าพันตาเป็นสัปดาห์ เพราะกลัวว่าตาจะบอด เห็นแสงกลางวันจ้าเกินไป

เมื่อก่อน ใครที่จะไว้เครา จะต้องมีใบอนุญาต ไม่งั้นถ้าโดนตำรวจลับตรวจ ก็จะถูกอัด หรือถูกเชิญไปรับฟังคำสั่งสอน ครั้งหนึ่งมีเด็กหนุ่มไว้เครา ถูกจับในเมือง เพราะเดินในยามวิกาล ก็เลยโดนพวกสมุนรัฐบาลอัดจนน่วม ในที่สุดก็ถามว่า “ไง เอ็งเป็นสมาชิกอิควานมุสลิมูนใช่มั้ย ไว้เครายาวเชียว” … “เปล่าครับ ผมเป็นคริสเตียน”
………………………………………
อิหร่าน-ฮิซบุลลอฮฺ : หมากร่วมกระดาน
………………………………………

นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนซีเรียประกาศว่า ประชาชนชาวซีเรียประมาณ 2100 คนถูกสังหาร และอีก 26000 ถูกทางการจับตัวไป ตั้งแต่การเริ่มประท้วงต่อต้านการปกครองของบัชชาร อัลอะสัด จนกระทั่งปัจจุบัน ยังมีอีก 12000 คนที่ยังไม่ได้ถูกปล่อยตัวออกมา ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ฮิซบุลลอฮฺแห่งเลบานอน เข้ามาร่วมมือช่วยเหลือรัฐบาลอัลอะสัด เข้ามาเข่นฆ่าประชาชนในซีเรีย นั่นก็เพราะว่าผู้ปกครองซีเรียและพวกฮิซบุลลอฮฺเป็นชีอะฮฺด้วยกัน และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่อิหร่านจะสนับสนุนอัลอะสัด อย่างเต็มที่ เพราะหากพวกอัลอะสัดตกจากเก้าอี้ไปเมื่อไหร่ ฮิซบุลลอฮฺและอิหร่านจะขาดทุนอย่างมากมายมหาศาล

อิหร่านได้วางหมากบนกระดาน เพื่อรักษาอำนาจในภูมิภาคไว้อย่างดี ดูแผนที่สิ อิหร่าน อิรัก ซีเรีย เลบานอน อันเป็นประตูออกไปยังเมอติเตอเรเนียน หากซีเรียล้ม ฮิซบุลลอฮฺสลาย อิหร่านจะถูกปิดตายอีกด้านหนึ่ง และการลงทุนในซีเรีย อันได้แก่โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ และอื่น ๆ จะฉิบหาย
………………………………………
ย้อนประวัติศาตร์ ..[รุ่งอรุณ แห่งอิสลาม]
………………………………………

บรรพบุรุษกลายๆ ของตระกูลอะสัด ก็คือพวกราชวงค์ฟาฏิมิยะฮฺ เเห่งอียิปต์ เป็นชีอะฮฺสายอิมามที่ 7 อิสมาอีลียะฮฺ / พวกนี้ละ ที่โดนท่านซอลาฮุดดีน อัยยูบีย์ ทหารเอกของ นูรุดดีน ซางกี ผู้ปกครองเมืองอเลปโป ซีเรีย ขยี้เเหลกไปทั้งอียิปต์ จนอียิปต์ขี้นชื่อว่าเป็นดินเเดนไม่มีชีอะฮฺจนทุกวันนี้

อาจเป็นข้อสังเกต น่าสนใจบางอย่างนะพี่น้อง ลูกหลานราชวงค์สุนนี่เเห่งซีเรียกำลังลุกฮือ ทบทวนประวัติศาสตร์ตนเองอีกครั้ง ความูมิใจที่ พวกตนคือ ลูกหลานของ อิมามุดดีน ซางกี,นูรุดดีน ซางกี สุลต่านท่านเเรกที่ตัดสินใจโต้พวกครุเสด,เเละซอลาฮุดดีน อัยยูบีย์ นั้น ได้เวลาเผยออกมาเเล้ว

ข้อมูลเพิ่มเติม : 

— บรรพบุรุษกลายๆ ของตระกูลอะสัด ก็คือพวกราชวงค์ฟาฏิมิยะฮฺ เเห่งอียิปต์ เป็นชีอะฮฺสายอิมามที่ 7 อิสมาอีลียะฮฺ / พวกนี้ละ ที่โดนท่านซอลาฮุดดีน อัยยูบีย์ ทหารเอกของ นูรุดดีน ซางกี ผู้ปกครองเมืองอเลปโป ซีเรีย ขยี้เเหลกไปทั้งอียิปต์ จนอียิปต์ข้นชื่อว่าเป็นดินเเดนไม่มีชีอะฮฺจนทุกวันนี้

อาจเป็นข้อสังเกต น่าสนใจบางอย่างนะพี่น้อง ลูกหลานราชวงค์สุนนี่เเห่งซีเรียกำลังลุกฮือ ทบทวนประวัติศาสตร์ตนเองอีกครั้ง ความูมิใจที่ พวกตนคือ ลูกหลานของ อิมามุดดีน ซางกี,นูรุดดีน ซางกี สุลต่านท่านเเรกที่ตัดสินใจโต้พวกครุเสด,เเละซอลาฮุดดีน อัยยูบีย์ นั้น ได้เวลาเผยออกมาเเล้ว
……………………………………
ทัศนะอุละมาอ์โลกมุสลิม
Facebook ของ อ. Mazlan Muhammad
……………………………………

-ระบอบชีอะฮฺนุศ็อยรีย์ที่ซีเรียเป็นระบอบที่มีความโหดร้ายป่าเถื่อนยิ่งกว่าระบอบก็อซซาฟีหลายเท่า
-เป็นระบอบที่ได้มาด้วยการปฏิวัติ ปล้นสะดม เข่นฆ่า ไม่มีความปรานีชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนในโลก โดยเฉพาะระหว่างปี 1970-1980 ซึ่งซีเรียกลายเป็นทุ่งสังหารอันน่าสยดสยอง ชวนขนลุกที่แม้กระทั่งเด็กเล็กหากได้ยินเรื่องนี้แล้ว ทำให้ผมหงอกได้ โดยเฉพาะโศกนาฏกรรมที่เมืองหะมาฮฺในปี 1982 ที่ระบอบนี้ได้ทำลายล้างและเข่นฆ่า พร้อมทำลายบ้านเรือนจนราบเป็นหน้ากลอง
-เป็นระบอบฏอฆูต คอมมิวนิสต์ ชีอะฮฺ โหดเหี้ยม กาฟิร บะอฺซีย์ นุศ็อยรีย์ โดยมีสโลแกนว่า لاإله إلا الوطن ولارسول إلا البعث ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรเคารพบูชายกเว้นประเทศชาติ และไม่มีเราะซูลที่ควรยึดเป็นแบบอย่างยกเว้นแนวคิดบาท (บะอฺซีย์)
-ผู้ใดที่เป็นสมาชิกอิควาน มุสลิมูน เขาจะได้รับโทษประหารชีวิตสถานเดียว (เพียงเป็นสมาชิกเท่านั้น)
– ระบบการศึกษาที่ซีเรีย เป็นระบบที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์อิสลาม แต่ระบอบนี้ได้ทำให้การศึกษาอิสลามต้องถอยหลังเป็นพันๆปี
– ประชาชนชาวตูนิเซีย มีความแร้นแค้นมากขนาดไหน แต่เมื่อเทียบกับกับความทุกข์ยากของชาวซีเรียแล้ว ถือว่าชาวตูนีเซียอยู่ในสวรรค์ทีเดียว
-ความโหดร้ายของระบอบนี้ทำให้ประชาชนชาวซีเรียต้องอพยพหนีตายอาศัยอยู่ต่างประเทศมากกว่า 15 ล้านคน
-ประชาชนที่ถูกตามล่าและเป็นเหยื่อความโหดร้ายเหล่านี้คือ Ahlussunnah

ทำไมเราต้องต่อต้านระบอบนี้ ดู

ชีคอะรีฟีย์กล่าวว่า บัชชาร์ อะสัด ผู้นำซีเรียปัจจุบันคือเชื้อร้ายที่เกิดจากวงศ์ตระกูลที่ร้าย หรือสำนวนไทยเรียกว่า เชื้อไม่ทิ้งแถว

ฎอฆูตทุกคนต้องจากไป อำนาจของเขาจะต้องสูญสิ้น บัลลังค์ของเขาจะต้องทลายพัง รัฐบาลของบัชชารต้องพบกับจุดจบเสมือนรัฐบาลของก็อซซาฟี http://www.arab2.com/video_library/?p=5671
……………………………………
ชำแหละลัทธิสังคมนิยมอาหรับ
Facebook ของ อ. Mazlan Muhammad
……………………………………

(1) อ้างในหนังสือ الموسوعة الميسرة في الأديان والمداهب المعاصرة พิมพ์โดย الندوة العالمية للشباب الإسلامي WAMY 1988 บะอฺสีย์เป็นพรรคการเมืองชาตินิยม เซคคิวลาร์ เรียกร้องการปฏิวัติความเป็นอาหรับทั้งแนวคิด อารยธรรมสู่แนวคิดสังคมนิยม มีสโลแกนว่าอาหรับคือประชาชาติเดียวกัน มีสาส์นอันถาวร โดยกำหนดเป้าหมาย 3 ประการคือ เอกภาพ อิสรภาพและ สังคมนิยม มองศาสนาเป็นเรื่องงมงาย ประเพณีอันคร่ำครึ และนำไปสู่ความล้าหลัง หลังจากที่มิเชล อัฟลัก(ชาวคริสเตียน) และ ศอลาห์ อัลบัยฏอร์ (มุสลิมสุหนี่) สำเร็จการศึกษาที่เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส และกลับสู่ประเทศซีเรียเมื่อปี 1932 และสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย โดยเผยแพร่แนวคิดนี้ผ่านวารสารชื่อ الطليعة (ก้าวหน้า) ทั้งสองได้รวมตัวก่อตั้งพรรคสังคมนิยมอาหรับบะอฺสีย์เมื่อปี 1947

(2) เป็นลัทธิชีอะฮฺสายอะละวีย์ นุศ็อยรีย์ มีหลักความเชื่อ لا إله إلا الوطن ولا رسول إلا البعث ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรเคารพบูชายกเว้นประเทศชาติ และไม่มีเราะซูลที่ควรยึดเป็นแบบอย่างยกเว้นแนวคิดบะอฺสีย์ บางกลุ่มถึงขนาดนับถืออะลีเป็นพระเจ้า ดังภาพในคลิป ซึ่งเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่เมืองฮะมาฮฺ เชื่อกันว่าเป็นมะก็อมของชีคยูซุฟ เสียชีวิตปี 450 ฮศ. ที่ปชช.ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีพลังลึกลับ ใครที่สามารถเล็ดรอดออกจากรูดังกล่าวโดยไม่มีผู้ช่วย ก็จะเป็นคนบริสุทธิ์จากทุกกล่าวหา ไม่ว่าขโมย กระทำซินาหรือความผิดอื่นๆ พี่น้องลองสังเกตคำพูดของชายในคลิปนี้ดูว่าเขาวอนดุอาต่ออัลลอฮฺร่วมกับใคร

แต่สำหรับผู้ที่เล็ดรอดรูนี้ได้ ก็จะทำให้เขาพ้นมลทิน และทุกคนก็จะแสดงความยินดี

การสุญูดต่อผู้นำเป็นเรื่องปกติ แม้เพียงรูปภาพก็ตาม

…………………………………………………
ซีเรีย จากแดนบะรอกะฮฺสู่แผ่นดินมิคสัญญี
Facebook ของ อ. Mazlan Muhammad
…………………………………………………

ซีเรีย (เมืองชามในอดีตที่ครอบคลุมซีเรีย จอร์แดน ฟิลัสฏีนในปัจจุบัน) เมืองโบราณที่มีอดีตอันยาวนานถึง 8,000 ปีก่อนค.ศ. นักโบราณคดีประเมินกันว่าทั่วประเทศซีเรียมีโบราณสถานที่มีคุณค่าในยุคต่างๆ มากกว่า 4,500 แห่ง ในยุคจักรวรรดิไบแซนไทน์ซีเรียเคยอยู่ใต้ปกครองของโรมนานถึง 700 ปี ในขณะที่กรีกเคยปกครองซีเรีย นาน 369 ปี ตลอดระยะเวลาที่อยู่ภายใต้อำนาจของกรีกโรมัน ประชาชนซีเรียไม่ต่างอะไรจากฝูงแกะ ที่นอกจากถูกกล้อนขนจนเกลี้ยงแล้ว ยังถูกรีดน้ำนมจนเหลือแต่กระดูก หนำซ้ำในบางครั้งกลับถูกฆ่าทิ้งอย่างไม่ใยดี

ซีเรียเป็นถิ่นเกิดของบรรดานบี เป็นสุสานของบรรดาเศาะฮาบะฮฺและชาวศอลิฮีน เป็นดินแดนที่อัลลอฮฺประทานความบะเราะกะฮฺ ก่อนวันกิยามะฮฺ มนุษย์จะถูกรวมพล ณ ดินแดนแห่งนี้ และนบีอีซาจะลงจากฟากฟ้าเพื่อฆ่าดัจญาล ณ แผ่นดินนามซีเรียเช่นกัน เราสามารถสัมผัสความประเสริฐของซีเรียได้ในทุกครั้งที่อ่านอัลกุรอานและอัลหะดีษที่พูดถึงดินแดนแห่งนี้

กองทัพของอุซามะฮฺ บินซัยด์ในยุคเคาะลีฟะฮฺอะบูบักร์ ในบุกเบิกกำชัยชนะเหนือโรมัน หลังจากนั้นจอมทัพคอลิด บิน วาลิดพร้อมทหารจำนวน 40,000 คนยกทัพขับไล่ทหารโรมันออกจากแผ่นดินซีเรีย และกองทัพอิสลามสามารถมีชัยเหนือซีเรียทั้งหมดในยุคเคาะลีฟะฮฺอุมัร บินค็อฏฏอบ ภายใต้การนำทัพของอบูอุบัยดะฮฺที่สามารถขับไล่จอมทัพโรมัน ชื่อ เฮราคลีอุส ออกจากแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์แห่งซีเรียในปี 15 ฮ.ศ. พร้อมกับได้ทิ้งวลีอมตะที่ท่านอบูอุบัยดะฮฺกล่าวว่า “สันติภาพจงมีแด่ซีเรีย สันติภาพที่มิอาจพบเจอได้อีกแล้วหลังจากนี้”

จากนั้นซีเรียได้รับการบูรณะพัฒนาด้วยน้ำมือของมหาบัณฑิต – หลังจากเตาฟิกจากอัลลอฮฺ – ที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันแห่งนบีผู้ปรานี พวกเขาเป็นทั้งผู้นำที่มีความยุติธรรม หัวหน้ากองคลังผู้ซื่อสัตย์ ผู้พิพากษาที่เที่ยงตรง แม่ทัพผู้มีความยำเกรง ผู้ปกครองที่ถ่อมตน และพลทหารที่นอบน้อมภักดี ซีเรียจึงเปิดศักราชแห่งความสันติสุขและการพัฒนา และเป็นแหล่งอารยธรรมที่ยังคงเป็นประวัติศาสตร์แห่งความภูมิใจจวบจนทุกวันนี้

ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ชาวซีเรียได้ประสบกับมรสุมชีวิตมากมาย แต่ไม่มียุคไหนที่มีความโหดเหี้ยมและสร้างความสะพรึงกลัวเหมือนในยุคผู้นำลัทธิชีอะฮฺนุศ็อยรีย์ อะละวีย์อีกแล้ว เพราะมันเป็นการโหมโรงไฟแค้นของลัทธิมาญูซีย์ ความอาฆาตของคริสเตียนยุคโรมัน และความเจ้าเล่ห์ของยิวมาผสมผสานในตัวคนเดียวกัน

ฝันร้ายของชาวซีเรียเริ่มตั้งแต่ สงคราม 6 วันระหว่างรัฐยิวกับชาวอาหรับในปี 1967 สงครามนี้ถือเป็นละครสงครามที่แสดงโดยรัฐอันธพาลยิวกับประเทศอาหรับที่มีทั้งอียิปต์ ซีเรียและจอร์แดนรวมตัวกัน ซึ่งภายในระยะเวลาเพียงแค่ 6 วัน รัฐอันธพาลยิวที่เพิ่งเกิดใหม่ไม่ถึง 20 ปีและมีประชากรไม่ถึง 3 ล้านคนในสมัยนั้น สามารถมีชัยเหนือประเทศอาหรับทั้งสาม ที่มีประชากรรวมกันกว่า 100 ล้านคน (ยังไม่นับรวมประเทศเพื่อนบ้านอีกมากมาย) กล่าวได้ว่า ยิวใช้เวลาเพียงแค่นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ แต่สามารถยึดดินแดนมากมายทั้งฉนวนกาซ่า(ติดพรมแดนอียิปต์) เวสต์แบงค์ของจอร์แดน และที่ราบสูงโกลานของซีเรีย ทำให้ดินแดนของอิสราเอลขยายตัวออกไปถึง 4 เท่า นี่คือการแสดงปาหี่ที่น่าทึ่งระดับโลกที่สะท้อนความอ่อนแอของประชาชาติมุสลิมโดยเฉพาะอาหรับ และน่าอับอายที่สุดในประวัติศาสตร์โลกอิสลาม

นับแต่นั้นมา ทั้งซีเรียและจอร์แดนก็ไม่เคยทวงคืนดินแดนที่เสียไป อาวุธยุทโธปกรณ์หรือแม้แต่กระสุนนัดเดียวของทั้งสองประเทศนี้ ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้แก่รัฐยิวแม้แต่น้อย และกองทหารประเทศมุสลิมเหล่านี้ไม่เคยสร้างสิ่งระคายเคืองให้กับจอมอันธพาลโลกนี้เลย ในขณะที่รัฐบาลอียิปต์ก็แสดงตนเป็นสหายผู้ภักดีกับศัตรูในการทรยศเพื่อนบ้านและพี่น้องร่วมอิสลามอย่างเสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด

แต่ฝ่ายที่ได้รับอันตรายสุดๆ จากกองทหารของประเทศมุสลิมเหล่านี้คือประชาชนของตนเอง โดยเฉพาะชาวซีเรีย หลังจากที่ฮาฟิส อะสัด ก่อรัฐประหารในปี 1970 เพื่อเป็นการให้รางวัลจากผลงานอันอัปยศที่เขาได้มอบที่ราบสูงโกลานสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นรมว.กลาโหมในปี 1967 (ช่วงสงคราม 6 วัน) เขาจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรมต.ในปี 1971 เขาจึงเป็นผู้นำซีเรียที่มาจากชนกลุ่มน้อยชีอะฮฺนุศ็อยรีย์อะละวีย์ซึ่งมีเพียง 6 % ของประชากรในประเทศ

ตั้งแต่นั้นมา ผู้นำจอมกระหายเลือดผู้นี้ได้ประกาศทำสงครามล้างเผ่าพันธุ์กับปชช.ของตนเองโดยเฉพาะสมาชิกในองค์กรอิควานุลมุสลิมูน สมาชิกกลุ่มนี้ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้คุกคามต่อความมั่นคงของประเทศที่อันตรายที่สุด ผู้ใดก็ตามที่เป็นสมาชิกองค์กรนี้ จะได้รับโทษประหารชีวิตสถานเดียว เล่ากันว่ามีชายไว้เคราคนหนึ่งถูกจับเข้าคุกนานถึง 12 ปี เพียงเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นสมาชิกอิควานุลมุสลิมูน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเขาเป็นคริสเตียน

ช่วงที่อยู่ในอำนาจ นายฮาฟิส อะสัด ได้ฝากผลงานอัปยศอย่างน้อย 4 ประการคือ

1. มอบที่ราบสูงโกลานให้เป็นของยิวตามที่ได้กล่าวข้างต้น

2. ในวันที่ 2 กพ. 1982 อะสัดได้กวาดล้างปชช.ที่จังหวัด Hamah โดยมีนายริฟอัต อะสัด (น้องชายฮาฟิส อะสัด) เป็นหัวหน้าปฏิบัติการ ซึ่งมีประชากรในขณะนั้นประมาณ 700,000 คน ถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เหี้ยมโหดที่้สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ กองทัพซีเรียโอบล้อมเมืองนี้และถล่มด้วยอาวุธหนัก พร้อมรถถังและเครื่องบินรบนานถึง 27 วัน มีการตรวจค้นทุกบ้านเรือน ทุกซอกทุกมุม ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างสยดสยองประมาณ 30,000-40,000 คน มัสยิดถูกทำลายย่อยยับ 88 แห่ง ย่านการค้าจำนวน 21 แห่งราบเป็นหน้ากลอง กุโบร์จำนวน 7 แห่งถูกทำลาย 27ตระกูลถูกจองล้างจองผลาญชนิดไม่เหลือแม้กระทั่งลูกเล็กเด็กแดง ผู้สูญหายไร้ร่องรอย 90,000 คน ถูกจับเข้าคุก 40,000 ราย และอพยพละทิ้งบ้านเรือนเป็นแสนๆ คน โบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์เสียหายอย่างหนัก บางแห่งถูกบดขยี้ไม่เหลือซาก หลังจากทำลายเมืองนี้อย่างหนำใจแล้ว พวกมันได้เขียนโปสเตอร์ขนาดใหญ่ติดทั่วเมืองว่า يسقط الله ويحيى الأسد หมายถึง อัลลอฮฺล่มสลาย อะสัดจงเจริญ

3. สถาปนาซีเรียเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ไม่มีฝ่ายค้าน มีการแสดงปาหี่ให้ปชช.เลือกตั้งเป็นครั้งคราว แต่เขาได้รับชัยชนะท่วมท้นทุกครั้ง บางครั้งชนะด้วยคะแนน 99.99% ด้วยซ้ำ เพื่อประกาศศักดาความเป็นพระเจ้าเหนือดินแดนซีเรีย มีการกราบไหว้รูปปั้นและรูปภาพของเขา สถาปนารัฐแห่งความหวาดกลัว ความตายสามารถเข้าไปเยือนทุกคนและทุกเมื่อแม้กระทั่งอยู่ในห้องนอนภายในบ้านของตนเอง ทุกคนไม่มีสิทธิตั้งคำถามต่อการกระทำของพวกเขา การทรมานปชช.เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดมีหนุ่มคนหนึ่งถูกฆ่าต่อหน้าลูกเมียและพ่อแม่ แต่หลังจากฆ่าเสร็จ พวกทหารได้บังคับให้สมาชิกครอบครัวร้องรำทำเพลงหน้าศพเสมือนพวกเขากำลังได้รับข่าวดีในชีวิต สุบฮานัลลอฮฺ เสียงกรีดร้องโหยหวนดังทั่วซีเรีย เลือดผู้บริสุทธิ์ถูกสังเวยไม่รู้เท่าไหร่ ความเดือดร้อนเกินบรรยาย ความยากจนค้นแค้นในชีวิต ในขณะที่การเข่นฆ่า ปล้นสะดม ถือเป็นเหตุการณ์รายวัน ปัญหาคอร์รัปชั่น ฉ้อราษฎร์บังหลวงถือเป็นเรื่องปกติ

4. อะสัดได้ประกาศรัฐธรรมนูญที่ไม่ต่างไปจากใบอนุญาตฆ่าปชช.อย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีอยู่ข้อหนึ่งที่ระบุว่า ไม่สามารถฟ้องร้องจนท.ฝ่ายความมั่นคงได้ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ถึงแม้จะเกี่ยวข้องกับคดีฆาตรกรรมก็ตาม ทั้งนีเพราะผู้ที่สั่งฆ่าปชช.โดยตรงก็คือมันนั่นเอง

โศกนาฏกรรมแห่งมนุษยชาติที่อะสัดผู้พ่อที่ได้ฝากผลงานไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว บัดนี้อะสัดผู้ลูก(บัชชาร์ อะสัด) กำลังเจริญรอยตามทุกย่างก้าว ท่ามกลางความบอดใบ้ในสามัญสำนึกของประชาคมโลก แม้กระทั่งประชาชาติมุสลิม ใช่ เราเป็นเพียงมนุษย์ฝาผนังที่ไร้ความรู้สึก ถึงแม้อวัยวะบนร่างกายของเราถูกเฉือนทีละชิ้นทีละอันก็ตาม อัลลอฮุลมุสตะอาน